เมนู

อรรถกถาอตีตานาคตปัจจุปันนานิจจสูตรที่ 7 - 10


สูตรที่ 7 เป็นต้น ตรัสด้วยอำนาจเวไนยสัตว์ผู้กำหนดอนิจจ-
ลักษณะเป็นต้นในจักษุเป็นต้นที่เป็นอดีตและอนาคต ลำบากด้วยการยึดถือ
ในรูปที่เป็นปัจจุบันว่ามีกำลัง. คำที่เหลือในที่ทุกแห่งมีนัยดังกล่าวแล้วใน
หนหลังนั่นแล
จบ อรรถกถาอตีตานาคตปัจจุปันนานิจจสูตรที่ 7 - 10

รวมพระสูตรที่มีในวรรคนี้ คือ


1 อัชฌัตติกอนิจจสูตร 2. อัชฌัตติกทุกขสูตร 3. อัชฌัตติก-
อนัตตสูตร 4. พาหิรอนิจจสูตร 5. พาหิรทุกขสูตร 6. พาหิรอนัตตสูตร
7. อตีตานาคตปัจจุปันนานิจจสูตร 8. อตีตานาคตปัจจุปันนทุกขสูตร
9. อตีตานาคตปัจจุปันนานัตตสูตร 10. พาหิรสูตร.
จบ อนิจจวรรคที่ 1

ยมกวรรคที่ 2



1. ปฐมสัมโพธสูตร1


ว่าด้วยความรู้แท้ในเรื่องอายตนะ


[13] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก่อนแต่ตรัสรู้ เราเป็นโพธิสัตว์ยัง
ไม่ได้ตรัสรู้ ได้มีความคิดดังนี้ว่า อะไรเป็นคุณ อะไรเป็นโทษ อะไรเป็น
ความสลัดออกแห่งตา หู จมูก ลิ้น กาย อะไรเป็นคุณ อะไรเป็นโทษ
อะไรเป็นความสลัดออกแห่งใจ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เรานั้นได้มีความคิด
ดังนี้ว่า สุขโสมนัสเกิดขึ้นเพราะอาศัยจักษุ นี้เป็นคุณแห่งจักษุ จักษุเป็น
ของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา นี้เป็นโทษแห่งจักษุ
การกำจัด การละฉันทราคะในจักษุ นี้เป็นความสลัดออกแห่งจักษุ ฯลฯ
สุขโสมนัสเกิดขึ้นเพราะอาศัยใจ นี้เป็นคุณแห่งใจ ใจเป็นสภาพไม่เที่ยง
เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา นี้เป็นโทษแห่งใจ การกำจัด
การละฉันทราคะในใจ นี้เป็นความสลัดออกแห่งใจ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
เรายังไม่รู้ตามความเป็นจริง ซึ่งคุณแห่งอายตนะภายใน 6 เหล่านี้ โดย
เป็นคุณ ซึ่งโทษโดยความเป็นโทษ และซึ่งความสลัดออกโดยเป็นความ
สลัดออก อย่างนี้เพียงใด เราก็ยังไม่ปฏิญาณว่าได้ตรัสรู้ซึ่งอนุตตรสัมมา
สัมโพธิญาณในโลก พร้อมทั้งเทวโลก มารโลก พรหมโลก ในหมู่สัตว์
พร้อมทั้งสมณพราหมณ์ เทวดาและมนุษย์เพียงนั้น. เมื่อใด เราได้รู้ตาม
ความเป็นจริง ซึ่งคุณแห่งอายตนะภายใน 6 เหล่านี้ โดยเป็นคุณ ซึ่งโทษ
1. อรรถกถาสูตรที่ 1 - 2 แก้รวมไว้ท้ายสูตรที่ 2